เกลือที่ใช้กันเป็นเกลือสมุทร ได้จากทะเล เป็นเกลือดิบที่ยังไม่ผ่านการเติมสารต่าง ๆ จึงไม่แนะนำให้ใช้เกลือปรุงอาหาร เนื่องจากมีการเติมสารปรุงแต่งทั้งไอโอดีน และสารกันความชื้น เกลือจึงเป็นสารเคมี ราคาถูก ใช้ง่าย เหมาะที่จะเก็บสำรองไว้ใกล้ไม้ใกล้มือ เผื่อว่าจะจำเป็น
เกลือ ใช้ทำอะไรได้บ้าง ???
ใช้กำจัดหรือจำกัดปรสิต แบคทีเรีย ลดพิษของแอมโมเนีย…. มากมาย ทำนองเดียวกับสารเคมีอื่น เช่นฟอร์มาลีน, มาลาไคท์กรีน, ด่างทับทิม, ยาปฏิชีวนะบางตัว ที่ให้ผลใกล้เคียงกัน แต่เกลือจะมีประโยชน์มากกว่าดังนี้
- ใช้ได้ง่ายกับปลาโดยทั่วไป (ไม่เหมือนกับฟอร์มาลีน ที่ปลาหลายชนิดทนไม่ได้ ยกเว้นปลาบางชนิดเท่านั้นที่ทนเกลือไม่ได้เช่นกัน)
- ไม่แรงจนเกินไป ไม่ทำให้ปลาที่อ่อนแอทนไม่ได้ (ต่างกับฟอร์มาลีน, มาลาไคท์กรีน, เมทาลีนบลู หรือ PP)
- กำจัดและจำกัด ปรสิตบางชนิดได้ผล
- ไม่เสื่อมสลาย เมื่อโดนแดดและอากาศ (ฟอร์มาลีน, เมทาลีนบลู,มาลาไคท์กรีน และ PP เสื่อมง่ายเมื่อโดนแสงแดดและอากาศ)
- ไม่มีผลข้างเคียงต่อผู้ใช้
- ไม่มีผลกับแบคทีเรียในระบบกรอง
- ราคาถูก ถูกมาก และถูกที่สุด
เกลือ กับ ปรสิต : ด้วยวิธีการใช้ที่ถูกต้อง เกลือสามารถจำกัดปริมาณของปรสิตบางชนิดได้
- TRICODINA , เห็บระฆัง 0.3-0.6% , หลายวันต่อเนื่อง
- FLUKE , ปลิงใส 0.3% ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์, ลดปริมาณปลิงใสได้ 30-40%
- COSTIA , 0.3% , หลายวันต่อเนื่อง
- CHILODINELLA , 0.3% , หลายวันต่อเนื่อง
- EPISTYLIS, 0.3% , หลายวันต่อเนื่อง
- SCYPHIDIA, 0.3% , หลายวันต่อเนื่อง
- TETRAHYMENA, 0.3% , หลายวันต่อเนื่อง ทำให้ไม่เกาะที่แผล แต่ไม่สามารถกำจัดได้
- 8. ICH , โรคจุดขาว, 0.3% , 3-5 วัน , อุณหภูมิ 30 oC
- 9. หนอนสมอ, 0.3% , หลายวันต่อเนื่องสามารถลดจำนวนลงได้บ้าง แต่ไม่หมด
บางครั้งอาจเลือกทำที่ความเข้มข้นสูงกว่านี้ เช่น แบบ 3% DIP จุ่มเวลาสั้น ๆ
นอกจากนี้แล้ว เกลือ ยังใช้ในกรณีที่จำเป็นอื่น ๆ
1. ลดความเครียด : เมื่อมีการเคลื่อนย้ายปลา หรือปลามีความเครียด เกลือที่ความเข้มข้นต่ำ, 0.1% สามารถช่วยได้ (ไม่ควรใช้ต่อเนื่อง)
ปลา KOI เป็นปลาน้ำจืด ในตัวปลามีแร่ธาตุต่าง ๆ อยู่เข้มข้นกว่าน้ำที่อยู่โดยรอบ ด้วยกระบวนการ OSMOSIS แร่ธาตุและน้ำจะแพร่ผ่านเนื้อเยื่อ พยายามทำให้ทั้งในและนอกตัวปลา มีสารที่ความเข้มข้นเท่ากัน : ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เลือดจะข้นเท่าน้ำ
ปลาใช้ตับเป็นตัวควบคุมความเข้มข้นที่เหมาะสมนี้ ผ่านการควบคุม OSMOTIC PRESSURE เมื่อปลาอยู่ภาวะเครียด ตับจะทำงานไม่สมบูรณ์ เป็นผลให้ร่างกายขาดเกลือไป การเติมเกลือลงไปบ้าง จึงลดการสูญเสียแร่ธาตุจากร่างกายได้บ้าง และทำให้ตับทำงานได้ง่ายขึ้น การสูญเสียพลังงานในการทำงานน้อยลง ปลาจึงฟื้นตัวได้เร็วขึ้น การใช้แบบต่อเนื่องจะทำให้การทำงานของอวัยวะภายในคลาดเคลื่อนไปจากเดิม ในระยะยาวจึงไม่เป็นผลดี
2. ลดการสูญเสียน้ำ/แร่ธาตุ : เมื่อปลาเป็นแผลทั้งจากอุบัติเหตุ หรือ ULCER DISEASE ปลาซึ่งปกติ
ควบคุมปริมาณน้ำ/แร่ธาตุ ที่เข้าออกร่างกายผ่านเหงือก, ตับและไต จะสูญเสียการควบคุม ปลาจะสูญเสียน้ำและแร่ธาตุออกไปทางแผล ทำให้ปลาอยู่ในสภาพอ่อนแอ,ภูมิคุ้มกันต่ำและ…. การใช้เกลือที่ความเข้มข้นปานกลาง 0.1-0.5% จึงเป็นการแบ่งเบาภาระในส่วนนี้ ทำให้ปลาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
3. การควบคุมปริมาณปรสิต : หัวข้อนี้ต้องอธิบายเรื่อง OSMOSIS
OSMOSIS คือการพยายามแพร่ผ่านเนื้อเยื่อของ ของเหลวที่ต่างกัน(ก๊าซก็ได้) พยายามทำให้ 2 ฝั่งของเนื้อเยื่อมีของเหลวที่มีลักษณะเดียวกัน ผสมกันเป็นเนื้อเดียว กระบวนการ OSMOSIS นี้ใช้อธิบายการควบคุมปริมาณปรสิต เมื่อเติมเกลือที่ความเข้มข้น 0.3-0.5% ลงในน้ำ ปรสิตในบ่อปลา ซึ่งมีน้ำอยู่ในเซลล์จะออกมาข้างนอกเนื้อ รักษาสมดุลย์ (ทำนองเดียวกันกับเกลือก็พยายามแทรกเข้าไปในเซลล์ (แต่เข้าไม่ได้) เมื่อเซลล์เสียน้ำออกไปในปริมาณมาก ปรสิตจึงตายหรืออ่อนแอลงด้วยภาวะขาดน้ำ
หลายตำราถกเถียงกันเรื่องนี้ บางท่านกล่าวว่า กระบวนการนี้จะสำเร็จก็ต้องเป็น OSMOTIC SHOCK คือการเพิ่มปริมาณเกลือในบ่ออย่างรวดเร็ว ทันทีทันใด มากเท่าที่ปลาทนได้ (อาจถึง 1%) ปรสิตซึ่งการทำงานของอวัยวะไม่ซับซ้อนเท่าปลา จึงไม่สามารถทนได้หากการเปลี่ยนแปลงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ปรสิตบางส่วนอาจปรับตัวได้ ไม่ตาย เพียงอ่อนแอลงชั่วขณะเท่านั้น
4. การควบคุมปริมาณแบคทีเรีย : จริงหรือที่ว่าเกลือสามารถกำจัดแบคทีเรียได้
อย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับกัน “แบคทีเรียมีความสามารถในการปรับตัวดีเป็นอย่างยิ่ง” แม้แต่ว่ายาปฏิชีวนะ แบคทีเรียยังสามารถปรับตัว กลายพันธ์ ต่อต้านได้แม้แต่ในน้ำทะเล หรือ น้ำกร่อย ที่มีความเข้มข้นมากกว่า 5 % แบคทีเรียยังสามารถอาศัย และ ออกฤทธิ์เดชได้
การใช้เกลือในวัตถุประสงค์นี้ จึงมองในแง่การกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากกว่าการกำจัดหรือจำกัดแบคทีเรีย
จริงอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงค่าความเค็มแบบฉับพลัน (OSMOTIC SHOCK) สามารถยับยั้ง, ชะลอการเติบโตของแบคทีเรียได้เป็นการชั่วคราว เพื่อรอให้ปลามีพละกำลังขึ้นมาต่อสู้กับแบคทีเรียอีกครั้ง
5. ภูมิคุ้มกัน : เรื่องนี้สำคัญ
นอกจากเกลือจะช่วยให้ตับทำงานน้อยลง (OSMOTIC PRESSURE) ปลามีพลังงานเหลือพอสำหรับทำอย่างอื่น
เกลือ ทำให้ปลาขับเมือกออกมามากขึ้น ในเมือกของปลามีสาร ANTIBODIES อยู่เป็นจำนวนมาก ทำหน้าที่จัดการสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาทำร้าย ไม่ว่าเป็นปรสิต , แบคทีเรีย ฯลฯ เมื่อปลาถูกโจมตีด้วย ปรสิต, แบคทีเรีย, ไวรัส จากภายนอกปลาจะป้องกันตัวเองด้วยการ ว่ายแฉลบหรือถูตัวกับผนัง เพื่อสลัดสิ่งรบกวนออก ถ้าไม่สำเร็จเมือกปลาหรือ สาร ANTIBODY จะถูกขับออกมาเพื่อกำจัดผู้รุกราน ในกรณีที่เป็นเรื่องเล็กน้อย ปรสิต,แบคทีเรีย ถูกกำจัดโดยราบคาบหากปลาไม่สามารถจัดการได้ เมือกเหล่านี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่
- ทำให้น้ำเสีย , คุณภาพน้ำแย่ ส่งผลให้เกิดสารพิษภายในบ่อ ทำให้ปลาอ่อนแอภูมิคุ้นกันต่ำลง
- ทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง (จากข้อ 1 )
- เมือกที่ออกมาโดยเฉพาะที่ปกคลุมเหงือก ทำให้ปลาได้รับออกซิเจนน้อยลง (ทั้งที่มีความต้องการมากขึ้น)
- เกลือทำให้ออกซิเจนละลายในน้ำได้น้อยลง
- เมือกที่ขับออกมา เป็นอาหารของแบคทีเรียและเชื้อรา ทำให้แพร่พันธุ์อย่างเร็ว
ดังนั้นกล่าวได้ว่า การใช้เกลือ ในด้านกระตุ้นภูมิคุ้มกันจึงมีทั้งได้และเสีย
6. DROPSY : โรคตัวบวม , ตาบวม จากที่เคยกล่าวมาแล้ว DROPSY เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น แบคทีเรีย,ปรสิต,ไวรัส,……… แต่ผลของ DROPSY คือทำให้ตับทำงานผิดปกติ การควบคุมปริมาณน้ำในร่างกายผิดพลาด เกิดภาวะสะสมน้ำทั้งในตัวและในเนื้อเยื่อ
การใช้เกลือร่วมในการรักษาจึงเป็นผลดี อาจแนะนำได้ที่ 0.5-0.7% แช่ตลอดเพื่อลดการทำงานของตับ และใช้ร่วมกับการ DIP ที่ความเข้มข้นสูง เพื่อดึงน้ำส่วนเกินออกจากตัว
7. แอมโมเนีย และ ไนไตรท์ : เกลือช่วยเปลี่ยนรูปแอมโมเนีย ให้อยู่ในรูปแอมโมเนียมอิออนซึ่งมีพิษน้อยกว่า และเกลือยังลดความสามารถของไนโตรท์ในการซึมผ่านเหงือกเข้าสู่ตัวปลาเพื่อทำลายฮีโมโกลบินในเม็ดเลือด ในภาวะที่ระบบกรองล่ม การใช้เกลือที่ 0.1-0.3 % เป็นเวลา 4-6 สัปดาห์จะช่วยลดปัญหาได้
8. การใช้เกลือร่วมกับสารเคมือื่น ๆ
ด่างทับทิม : หลีกเลี่ยง มีปัญหาเรื่องออกซิเจน มิหนำซ้ำด่างทับทิมพยายามออกซิไดซ์ เมือก ในขณะที่ เกลือทำให้ปลาขับเมือก
ฟอร์มาลีน : หลีกเลี่ยง 2 ตัวนี้ทำหน้าที่คล้ายกัน ฟอร์มาลีนทำให้ปลาขับเมือก ในขณะที่เกลือทำหน้าที่เดียวกันฟอร์มาลีนใช้ออกซิเจนมากในการทำงาน เกลือทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลงใช้ 2 ตัวนี้พร้อมกัน เป็นการเสริมฤทธิ์ดับเบิ้ลกัน ปลาขับเมือกมาก ๆ และมีออกซิเจนเหลือน้อย
ยาสลบ : ไม่มีหลักฐาน แต่ควรหลีกเลี่ยงหรือเฝ้าสังเกตขณะใช้
กล่าวโดยสรุป การใช้เกลือ ในปริมาณและจังหวะที่เหมาะสม จะช่วยทุเลาปัญหาได้หลายส่วน โดสการใช้ พอสรุปในเบื้องต้นแบบนี้ ใช้วิจารณญาณในการเลือกนะครับ
- 0.1-0.15 % , 1-1.5 กก. ต่อน้ำ 1 ตัน เป็นการคลายเครียด
- 0.3% เพื่อเร่งการขับเมือกปลา แก้ปัญหาปรสิต, แบคทีเรียในเบื้องต้น,ระยะสั้น
- 0.5% ทำนองเดียวกับที่ 0.3% แต่แนะนำสำหรับบ่อกักโรค, บ่อพยาบาล, ระยะสั้น
- 0.5-1% สำหรับการรักษา DROPSY , 7-14 วัน
- 2-5 % สำหรับการ DIP 1-10 นาที , กรุณาเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด